วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555


รักกันอย่าทำแบบนี้


ผู้ชายไม่ชอบให้แฟนตัวเอง...

นอกใจ หนุ่มคนไหนรับได้ก็บ้าแล้ว
ไร้สมอง คิดและพูดได้แค่ประมาณว่า "อะไรก็ได้ค่ะ" หรือ "แล้วแต่เธอ"
จู้จี้ ขี้บ่น ขอโทษครับ..คุณเป็นแฟนนะ ไม่ใช่แม่บังเกิดเกล้าของผม
โทร.จิก ตลอด 24 ชม. คลาดสายตาหน่อยเป็นต้องโทรตาม มันน่ารำคาญจริงๆ
งี่เง่า ไม่มีคำไหนเหมาะสมกับผู้หญิงไร้เหตุผล เอาแต่ใจเท่าคำนี้อีกแล้ว
ถามง่ายตอบยาก รู้มั้ยไม่มีอะไรน่าเบื่อเท่าคำ ถามไร้สาระประเภท "ฉันอ้วนหรือเปล่า" หาอะไรที่มันสนุกๆกว่านี้คุยกันดีกว่าไหมครับ
ตอกย้ำความผิดพลาด รู้แล้วก็ทิ้งคำพูดแนว "ฉันเตือนเธอแล้วใช่ไหม ทำไมถึงทำอย่างนี้"
ตะคอกหรือออกคำสั่ง โดยเฉพาะต่อหน้าคนอื่น
รู้ทันไปหมดทุกอย่าง บางสถานการณ์ผู้หญิงที่รู้จักแกล้งโง่มีเสน่ห์กว่าผู้หญิง(อวด)ฉลาดเยอะ
พูดจาหาสาระไม่ได้ เราชอบฟังอะไรที่ตรงประเด็นและตรงไปตรงมามากกว่าเรื่องไร้สาระ
เจ้าชู้ นี่ขนาดมากับผมคุณยังเล่นหูเล่นตากับชายอื่น ขอเตือนว่าผู้ชายน่ะ "ฆ่าได้หยามไม่ได้"
พูดจาหยาบคาย ต่อให้สวยแค่ไหนก็ไร้เสน่ห์โดยสิ้นเชิง
หายไป งอนแค่ไหนก็ขอให้ช่วยมาพูดคุยกันให้รู้เรื่อง เพราะบางเรื่องไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณโกรธ
สุรุ่ยสุร่าย ใช้เงินเก่ง ช้อปกระหน่ำเกินความจำเป็น
แต่งตัวโป๊ ยั่วยวนเกินเหตุ นอกจากผมแล้วคุณยังจงใจแต่งโชว์ใครอีกครับ
แต่งหน้าจัด รักกันที่ความเข้าใจแล้วอะไรๆก็สู้ความเป็นธรรมชาติไม่ได้หรอก

ผู้หญิงไม่ชอบให้แฟนตัวเอง...
นอกใจ ข้ออื่นอาจให้อภัยได้ แต่ข้อนี้ยากส์
เหล่สาวอื่น ทำอย่างนี้ฉันเสียหน้าแค่ไหนรู้มั้ย
โกหก จะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ก็ไม่สำคัญ ถ้ารู้ทีหลังว่าฉันถูกหลอกละก็น่าดูชม
ไม่รักษาสัญญา การ"ลืม"ในสิ่งที่เคยตกปากรับคำกับฉันเอาไว้ มันบอกถึงการไม่เอาใจใส่
นิ่งเงียบ บอกมาสิว่าจะเอายังไง ปล่อยให้ฉันคิดเองอยู่ได้
"ไม่ว่าง" คำๆนี้ฉันคิดไปไกลถึงขนาดที่คุณเห็นคนอื่นสำคัญกว่าฉัน
วิจารณ์หน้าตาและสัดส่วน ฉันจะอ้วน ดำ สิวเกรอะกรังแค่ไหน คุณก็เลือกฉันมาเป็นแฟนนี่ แล้วจะมาตอกย้ำจุดด้อยให้ฉันเสียความมั่นใจทำไม เปลี่ยนเป็นให้กำลังใจดีกว่า
ขี้งก ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ลืมกระเป๋าตังค์ทุกทีที่ต้องจ่ายเงิน อย่างน้อยคนละครึ่งก็ยังดี
ใจแคบ เช่น เช่นที่นั่งข้าใครอย่าแตะ ปล่อยให้คนชราหรือเด็กยืนขาแข็งอยู่ตรงหน้าบนรถเมล์
นินทา วิพากวิจารณ์ ดูถูกคนอื่น มันชวนให้สงสัยว่าลับหลังคุณเอาฉันไปเผากี่เรื่อง
โชว์พาว ต่อให้หล่อแค่ไหนแค่ทำเป็นเก๊กเมื่อไหร่เสน่ห์หมดไปทันที
เป็นลูกแหง่ จะทำอะไรสักอย่างต้องรอขอความเห็นจาคนรอบข้างเสมอ
ใจดีกับแฟนเก่า ให้คำปรึกษา พาไปโน่นนี่แล้วมาบอกว่าเป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกัน
ติดเพื่อน มีงานสังสรรค์ไม่เว้นแต่ละวัน
หายเข้ากลีบเมฆ ตัดขาดการติดต่อทุกทาง ทำให้เป็นห่วงกระวนกระวายใจ
ไม่สนใจฟังปัญหา ช่วยแก้ไขอะไรก็ไม่ได้ แค่ช่วยรับฟังฉันสักหน่อยก็ยังดี
ไม่แคร์ เฉยเมยเย็นชาไม่ห่วงใยไม่ใส่ใจฉันสักนิด

"ความรัก" และ "การหลอกลวง"... ไปด้วยกันไม่ได้

โดย: นายนัดเดท13 กันยายน 2554
“การไว้ใจ” คือสิ่งที่เป็นรากฐานสำคัญของความรัก ว่ากันว่าการเชื่อใจของกันและกันจะล่อเลี้ยงให้ความรักเติบโตได้อย่างสวยสดงดงาม

ดังนั้น... ความรักไม่สามารถจะอยู่ได้หากขาดการเชื่อใจกันและกัน เมื่อใดก็ตามที่คุณรักใครสักคนแล้ว คุณย่อมหวังว่าคนๆนั้นจะซื่อสัตย์กับคุณ... และเขาเองย่อมได้รับความซื่อสัตย์เป็นการตอบแทน คุณยอมแลกทุกสิ่งทุกอย่างได้เพื่อคนที่คุณรักก็ต่อเมื่อคุณมั่นใจในตัวเขาแล้วนั่นเอง

เพื่อที่จะให้ความรักของคุณทั้งคู่อยู่ยงคงกระพันนั้น “การไว้ใจ” กันและกันถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องอยู่ควบคู่ไปกับความรักด้วย
เมื่อใดก็ตามที่ความไว้วางใจได้หายไปจากคนทั้งสองแล้วละก็ ความเจ็บปวดจะกลายเป็นสิ่งที่จะเข้ามาแทนที่นั่นเอง มันอาจจะฟังดูยากที่จะให้คุณหยุดรัก แต่น่าประหลาดใจที่โดยทั่วไปแล้วคุณจะหยุดไว้วางใจเขาทันทีที่เขาไม่ซื่อสัตย์ต่อคุณ

เมื่อคุณได้เริ่มหลงรักใครบางคนเข้าเต็มเปาแล้วล่ะก็ คุณมักจะไม่ระวังว่าเขาคนนั้นจะทำลายความไว้วางใจที่คุณมอบให้ สัญญาณอะไรต่างๆที่บ่งบอกว่าเขาจะนอกใจ คุณเองก็ละเลยไม่ได้สนใจเท่าที่ควร แล้วเป็นไงล่ะ! เมื่อความไว้วางใจที่คุณมีต่อเขาขาดสะบั้นลง คุณก็ต้องมานั่งโศกเศร้าเสียใจ และโทษตัวเองที่ไม่ได้สังเกตระแวดระวังอะไรเลย

ยิ่งบางคนที่เข้าตำรา “รักทำให้ตาบอด” กลับคิดไปอีกว่าเขาไม่ได้หลอกลวงอาจจะเป็นเราที่ผิดเอง แต่ทันทีที่เธอหูตาสว่างแล้ว บางคนถึงขั้นช็อกไปเลยก็มี

สำหรับใครก็ตามที่ใช้ “การโกหก” มาล้อเล่นกับความรัก หยุดเสียเถอะ! มันอาจจะส่งผลเสียหายขั้นรุนแรงต่อจิตใจนะ
เคยได้ยินไหมที่บางคนกล่าวกันว่า “ความรักเป็นสิ่งบริสุทธิ์” เช่นรักที่แม่มีต่อลูกน้อย หรือความรัก ความศรัทธาที่เรามีต่อพระเจ้า ฯลฯ ความรักอย่าง โรแมนติคก็ถือว่าเป็นความรักอันบริสุทธิ์เช่นกัน รักเปรียบเสมือนพรจากพระเจ้าให้เราได้พบกับคนที่เราจะฝากชีวิตไว้ด้วยได้ ได้พบกับคนที่พร้อมที่จะดูแลห่วงใยเราเสมอ และได้พบกับคนที่เราจะไว้ใจเขาได้ตลอดไป

เมื่อใดที่คุณหยิบยื่นความรักให้กับใครซักคน “ความจริงใจ” คือสิ่งที่คุณและเขาต้องมอบให้กัน ถึงแม้แค่การโกหกเล็กๆน้อยเกิดขึ้นระหว่างคุณและเขา มันจะอาจจะทำให้คุณสงสัย ระแวงในตัวเขา บางรายรุนแรงถึงขั้นเลิกกันไปเลย แล้วถ้ายิ่งการโกหกของเขามีเรื่องความสัมพันธ์กับคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย นึกไม่ออกเลยว่าผลที่ออกมามันจะรุนแรงขนาดไหน

อย่างที่กล่าวมาช่วงแรกว่า “ความรักเป็นสิ่งบริสุทธิ์” ดังนั้นเราไม่ควรที่จะให้การโกหก หลอกลวงเข้าเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขา เพราะเมื่อใดก็ตามที่มีการโกหกหลอกลวงเข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว ตอนจบของความรักมักจะไม่ได้สวยหรูอยากที่คุณวาดฝันไว้

5 ประโยค ที่ผู้หญิงมักจะโกหก เวลาสื่อสารกับผู้ชาย

โดย: 19 กันยายน 2554
โดยทั่วไป ในสายสัมพันธ์ ผู้หญิงมักจะมีบางสิ่งที่โกหกผู้ชายอยู่บ่อยๆ แต่การโกหกที่ว่านี้ เป็นการโกหกเพื่อให้ผู้ชายรู้สึกสบายใจ และส่วนหนึ่งของการโกหก ก็มาจากธรรมชาติของผู้หญิง ที่มักจะระมัดระวังต่อความรู้สึกของผู้ชายอยู่เสมอ ซึ่งธรรมชาติในการโกหกของชายและหญิงนั้นแตกต่างกัน

5 ข้อต่อไปนี้ คือประโยคที่ผู้หญิงมักจะใช้โกหกผู้ชายอยู่เป็นประจำ สำหรับผู้ชายที่มีแฟนแล้ว คงเคยได้ยินประโยคเหล่านี้มาบ้าง ส่วนผู้ชายที่ยังไม่มีแฟน อ่านเอาไว้สักหน่อย เผื่อเวลาที่มีแฟน จะได้เข้าใจความหมายจริงๆ จากประโยคที่ผู้หญิงพูด

หมายเหตุ คำสรรพนามที่ใช้  เค้า ใช้แทนคำว่า ฉัน    ตัวเอง ใช้แทนคำว่า คุณ

1. ตัวเองยอดเยี่ยมที่สุด 
“เค้ารักตัวเอง แบบที่ตัวเองเป็น.. เค้าไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงอะไรในตัวของตัวเอง” จริงๆ แล้ว คำพูดนี้ ซีเรียสมากกว่านั้น เพราะไม่มีใครที่จะดีที่สุด โดยไม่ต้องเปลี่ยนอะไรเลย
ในช่วงแรกของสายสัมพันธ์ ผู้หญิงส่วนมากมักจะพูดประโยคดังกล่าวนี้ เพราะว่าพวกเธอยังไม่รู้อะไรมากมาย เกี่ยวกับผู้ชายคนที่กำลังคบหากันอยู่ แต่หลังจากช่วงระยะเวลาหนึ่ง เธอจะพบสิ่งที่เธอต้องการให้เขาเปลี่ยน ขึ้นมาทีละน้อยๆ ดังนั้นแล้ว ถ้าผู้หญิงพูดเช่นนี้ ผู้ชายไม่จำเป็นต้องตื่นเต้นให้มากนัก เพราะเธอจะพบว่า คุณยอดเยี่ยมที่สุด เพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น หลังจากนั้น ต้องมีอย่างน้อยสักเรื่อง ที่เธอจะพูดกับคุณ เพื่อให้คุณเปลี่ยน

2. ตัวเองทำถูกแล้ว 

ทุกๆ ครั้ง ที่คุณมีข้อโต้เถียงกับแฟนสาวของคุณ ในตอนจบของเรื่อง เธอมักจะพูดว่า “ตัวเองทำถูกแล้วล่ะ” บางที การที่เธอพูดเช่นนี้ อาจจะช่วยทำให้คุณรู้สึกภูมิใจ แต่คุณจะต้องระมัดระวังเอาไว้ว่า เธออาจจะกำลังโกรธอยู่แน่ๆ เป็นไปได้ว่า เธอพูดประโยคนี้ออกมา เพียงเพื่อต้องการให้คุณ “หุบปากซะ” แม้ว่า ในใจของเธอกำลังคิดอยู่ว่า “คุณนั่นแหละ เป็นฝ่ายผิด” และเธอยังคิดเลยไปอีกว่า เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง คุณก็จะคิดออกเองว่า เธอต่างหาก ที่เป็นฝ่ายถูก และเธอยังหวัง ที่จะให้คุณกล่าวคำขอโทษ อีกด้วย

3. เค้าไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย 
คำโกหกยอดฮิตของผู้หญิงก็คือ “เค้าไม่ได้เป็นอะไร” เวลาที่คุณถามเธอว่า มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นหรือเปล่า อย่างเช่น เวลาที่คุณเห็นเธอกำลังอารมณ์ขึ้น (โมโห) เธอมีท่าทางแปลกๆ และไม่ต้องการพูดกับคุณมากนัก และคุณก็ถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอจ๊ะ” แต่เธอกลับตอบมาว่า “เค้าไม่ได้เป็นอะไร” จริงๆ แล้ว ผู้หญิง มักจะไม่ชอบพูดออกไปตรงๆ แต่พวกเธอคิดว่า ผู้ชายต้องสำนึก และรู้ได้เอง ว่าอะไร คือสิ่งที่พวกเขาได้ทำผิดไป

4. เค้าชอบไปเที่ยวกับตัวเอง พร้อมๆ กับเพื่อนของตัวเองด้วย 
ตอนที่คบกันใหม่ๆ การไปเที่ยวพร้อมๆ กับกลุ่มเพื่อน เป็นเรื่องที่สนุก และยอมรับได้ แต่ถ้าคบกันมานานแล้ว การพาแฟนไปเที่ยวพร้อมๆ กับกลุ่มเพื่อน จะไม่ใช่เรื่องที่น่าสนุก ถึงแม้ว่าเพื่อนในกลุ่มของคุณ จะมีนิสัยดีมากๆ ก็ตามเถอะ! เพราะผู้หญิง ชอบที่จะได้ใช้เวลากับคุณเพียงลำพังมากกว่า เธออาจจะไม่ได้บอกคุณตรงๆ ในเรื่องนี้ แต่เธอจะค่อยๆ พูดกับคุณว่า ให้คุณใช้เวลาไปพบเพื่อนให้น้อยลงบ้าง ในขณะเดียวกัน เธอเองก็จะแกล้งทำเป็นว่า เธอสามารถเข้ากับเพื่อนๆ ของคุณได้ดี

5. เงินในบัญชีของตัวเองน่ะเหรอ ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรมากนักหรอก 

จริงๆ แล้ว ผู้ชายส่วนมากรู้ตัวดีอยู่แล้วว่า ผู้หญิงมักจะโกหกในเรื่องนี้ เพราะผู้หญิงเกือบจะทุกคนก็ว่าได้ ล้วนต้องการคบกันผู้ชายที่มีความมั่นคงทางการเงิน ผู้หญิงต้องการผู้ชาย ที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับเธอ ที่จะสร้างอนาคตร่วมกันได้ โดยมีปัญหาทางด้านการเงินน้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้หมายความว่า ก่อนที่จะมีแฟน คุณจำเป็นต้องรวยเสียก่อน เพียงแค่ คุณมีเงินใช้จ่าย ในระดับที่ไม่ต้องเดือดร้อนก็พอ

3 สิ่ง ที่จะยืนยันว่า รักแรกพบของคุณ เป็นเรื่องจริง

โดย: 19 กันยายน 2554
บางครั้ง การที่เราไม่เคยเจอกับตัวเอง เราก็อาจจะไม่เชื่อว่า รักแรกพบนั้นมีอยู่จริง เรามักจะคิดว่า รักแรกพบนั้นเป็นเพียงอารมณ์หลงชั่ววูบ จากการที่เราได้พบใครสักคนหนึ่ง ที่ดูสวย, หล่อ หรือน่าสนใจ เมื่อแรกเห็น  แต่รักแรกพบมีอยู่จริง และเกิดขึ้นมาตั้งแต่ในอดีต หลายร้อย หลายพันปีมาแล้ว... ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์เกี่ยวกับรักแรกพบ มีบันทึกเอาไว้หลากหลายรูปแบบ ทั้ง เรื่องเล่าจากปากสู่ปาก งานศิลปะ หนังสือ ดนตรี บทกวี การละคร ภาพยนตร์ และในปัจุบัน คนโดดเดี่ยวหลายล้านคน ก็ยังรอคอยที่จะได้พบกับรักแรกพบ เข้าสักวัน

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร ว่าเรากำลังตกอยู่ในห้วงเวลาแห่งรักแรกพบ? 3 ข้อด้านล่างนี้ คือความจริง ที่จะบอกว่า คุณได้พบกับรักแรกพบอย่างแท้จริงเข้าให้แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น มีความหมายมากกว่า การเกิดอารมณ์ความรู้สึกหลงไหล หรือเพียงแค่อาการตื่นเต้น หัวใจสูบฉีดอย่างรุนแรงชั่วขณะ

1. คุณรู้สึกว่า ไม่จำเป็น ที่จะต้องรีบร้อนมีเซ็กส์ 
หากความรู้สึกเมื่อแรกพบของคุณ สื่อความต้องการออกมา เป็นเรื่องของความต้องการทางด้านร่างกาย คุณรู้สึกรีบร้อน กระวนกระวายใจ นี่ไม่ใช่ “รักแรกพบ” แต่จัดเป็น “หลงแรกพบ” มากกว่า ในทางตรงกันข้าม หากคุณรู้สึกว่า สามารถควบคุมแรงกระตุ้นทางด้านร่างกาย ได้อย่างง่ายดาย และคุณมีความรู้สึกว่า ต้องการที่จะรู้จักคนๆ นั้นให้มากขึ้น โดยค่อยๆ ทำความรู้จักไปที่ละนิด อย่างช้าๆ นี่ละ! รักแรกพบ และความรู้สึกเช่นนี้ ก็จะช่วยให้ คุณสามารถจัดการกับทุกอย่างได้อย่างลงตัว

2. คุณเห็นมุม ที่คนอื่นๆ มองไม่เห็น ในตัวของคนๆ นั้น 
คนอื่นๆ จะมองบุคลิกภาพ หรือลักษณะภายนอก ซึ่งทุกๆ คน สามารถมองเห็น และรู้สึกประทับใจ ได้เช่นเดียวกัน แต่ทว่า รักแรกพบ หรือการรักใครสักคน คุณจะสามารถมองเห็นไปได้ไกลกว่านั้นอีก เช่นสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนในตัวของคนๆ นั้น หรืออะไรสักอย่าง ที่คนอื่นๆ ไม่ได้สังเกต  หากคุณพบว่า ตัวเองสังเกตเห็น คุณค่าที่น่าประทับใจบางอย่าง จากคนๆ นั้น ซึ่งแม้แต่เพื่อนสนิทของคุณ ก็ไม่สามารถสังเกตเห็น นั่นแสดงว่า คุณได้พบกับรักแรกพบเข้าให้แล้ว

3. คุณต้องการเรียนรู้ทุกๆ สิ่ง เกี่ยวกับคนๆ นั้น เท่าที่คุณจะสามารถทำได้
สำหรับประเด็นในเรื่องนี้ จริงๆ แล้ว อาจจะเกิดขึ้นได้ ในกรณี “หลงแรกพบ” ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หาก 2 ข้อ ที่ผ่านมา ชี้ชัดๆ แล้วว่า คุณมีความรู้สึกตามนั้น ดังนั้นแล้ว ข้อ 3 นี้ จะเป็นตัวตัดสิน และทำให้คะแนนเป็นเอกฉันท์ และได้ผลสรุปออกมาว่า คุณได้เจอกับรักแรกพบเข้าให้แล้วจริงๆ

การรักใครสักคน หมายถึงความต้องการ ที่จะเรียนรู้ทุกๆ สิ่งๆ ที่คนๆ นั้นใช้ในการดำเนินชีวิต ตั้งแต่ สิ่งที่ชอบ สิ่งที่ไม่ชอบ และประสบการณ์ชีวิต ในเรื่องต่างๆ และการตั้งใจเรียนรู้กันไปอย่างช้าๆ ด้วยความเข้าใจ จะพัฒนารักแรกพบ ไปสู่ชีวิตคู่ที่โรแมนติก แบบยาวนานต่อไป
บทความนี้จัดทำโดย www.PremiumMate.com เว็บไซต์หาคู่ สื่อกลางสำหรับคนไทยวัยทำงานคุณภาพ เพื่อค้นหาเพื่อน หาแฟน หาคู่ ด้วยตนเอง

วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2555

เรื่อง แนวคิดการใช้เทคโนโลยีช่วยการเรียนรู้

เรื่อง  แนวคิดการใช้เทคโนโลยีช่วยการเรียนรู้
 

                   ปัจจุบัน ทั่วโลกให้ความสำคัญกับการลงทุนทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communication Technology : ICT) เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการศึกษา จนเกิดความแตกต่างระหว่างประเทศที่มีความพร้อมทาง ICT กับประเทศที่ขาดแคลนที่เรียกว่า Digital Divide  ในขณะเดียวกันประเทศทั่วโลกต่างมุ่งสร้างสังคมใหม่ให้เป็นสังคมที่ใช้ความรู้เป็นฐาน (Knowledge Based Society) จนเกิดความแตกต่างระหว่างสังคมที่สมบูรณ์ด้วยความรู้ กับสังคมที่ด้อยความรู้ ที่เรียกว่า Knowledge Divide  ในยุคของการปฏิรูปการศึกษา ต่างก็เร่งพัฒนาการศึกษาให้การศึกษาไปพัฒนาคุณภาพของคน เพื่อให้คนไปช่วยพัฒนาประเทศ  เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) จึงเป็นเครื่องมือที่มีคุณภาพสูงในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการจัดการศึกษา เช่น ช่วยนำการศึกษาให้เข้าถึงประชาชน (Access) ส่งเสริม การเรียนรู้ต่อเนื่องนอกระบบโรงเรียน และการเรียนรู้ตามอัธยาศัย  ช่วยจัดทำข้อมูลสารสนเทศเพื่อการบริหารและจัดการ  ช่วยเพิ่มความรวดเร็วและแม่นยำในการจัดทำข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูล  การเก็บรักษา และการเรียกใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ในงานจัดการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยการเรียนการสอน แต่การให้ความสนใจกับการใช้เทคโนโลยีช่วยการเรียนรู้ของผู้เรียนก็อาจหลงทางได้  ถ้าผู้บริหารสถานศึกษายึดถือการมีเทคโนโลยีเป็นจุดหมายปลายทาง ของการศึกษา  แทนที่จะยึดถือผลการเรียนรู้เป็นจุดหมาย ปรากฏการณ์ของการหลงทางจะพบเห็นในการประชาสัมพันธ์ถึงความพร้อมทางระบบคอมพิวเตอร์ การมีเครือข่ายโยงเข้า Internet สะดวก  ผู้เรียนเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีและมีโอกาสใช้ได้เต็มที่ แต่ในบางสถานศึกษาผู้เรียนอาจใช้เทคโนโลยีไม่คุ้มค่า ขาดเป้าหมายในการเรียนรู้สาระสำคัญตามหลักสูตรวิชาต่าง ๆ และขาดโอกาสในการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนากระบวนการทางปัญญาอย่างแท้จริง